
กรุงเทพฯ – ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 2568 พบว่า ครัวเรือนไทยกว่า 95.1% มีภาระหนี้สิน โดยมีหนี้เฉลี่ยสูงถึง 740,596.94 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 22% จากปีที่ผ่านมา ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ภาระผ่อนชำระเฉลี่ยอยู่ที่ 22,022.08 บาทต่อเดือน
อาจารย์อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ครัวเรือนไทยกว่า 46.3% ไม่มีเงินออมฉุกเฉิน และสำหรับเงินออมส่วนใหญ่ลดลงจากปีก่อน
โครงสร้างหนี้ของครัวเรือนไทยมาจากหนี้ในระบบ 65% และหนี้นอกระบบ 35% โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต รองลงมาคือหนี้เพื่อที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามอาชีพ พบว่าข้าราชการมีหนี้จากยานพาหนะสูงสุด แรงงานรับจ้างและพนักงานเอกชนมีหนี้บัตรเครดิต เจ้าของกิจการมีหนี้ที่อยู่อาศัย และเกษตรกรมีหนี้จากสินเชื่อเพื่อการเกษตรมากที่สุด
“การใช้บัตรเครดิต/สินเชื่อส่วนบุคคลส่วนใหญ่เพื่อนำไปใช้จ่ายอุปโภคบริโภค รองลงมาคือซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้ในการประกอบธุรกิจ และซื้อสินค้าคงทน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงรายได้ที่ไม่เพียงพอและการพึ่งพาเงินกู้เพื่อดำรงชีพ” อาจารย์อุมากมลกล่าว
ด้าน รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ระบุว่า “ประเทศไทยเผชิญปัญหาหนี้ครัวเรือนต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยมีสัดส่วนสูงกว่า 80% ของจีดีพี ปี 2567 ครัวเรือนไทยมีหนี้เฉลี่ย 600,000 บาท แต่ปีนี้ 2568 ตัวเลขพุ่งขึ้นเป็น 740,000 บาทต่อครัวเรือน สูงที่สุดในรอบ 4 ปี ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพสูง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ”
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการบรรเทาภาระหนี้ครัวเรือน ควบคู่กับการสร้างรายได้และการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและลดความเปราะบางทางเศรษฐกิจในระยะยาว
