
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมด้วย อาจารย์อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ แถลงข่าว ผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันแม่ ประจำปี 2568 พบว่า จากการสำรวจประชาชน 1,422 ตัวอย่าง พบ 58% เห็นว่าวันแม่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ครอบครัว ด้านพฤติกรรมการใช้จ่าย 71% ซื้อของขวัญให้แม่ โดยนิยมให้เงินสด/ทอง เฉลี่ย 3,116 บาท มากที่สุด
.
แม้ 84.4% มองเศรษฐกิจไทยแย่ลงและ 74.6% มีสถานะการเงินส่วนตัวไม่ดีขึ้น แต่ประชาชนยังคงให้ความสำคัญกับวันแม่ คาดว่าจะเกิดมูลค่าเงินสะพัด 11,062 ล้านบาท ขยายตัว 1.9% จากปีก่อน สำหรับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 72% ของผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ในช่วงวันแม่ และ 96.2% เห็นว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ
.
นอกจากนี้ อาจารย์วิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาในอัตรา 19% ส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกไทยกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าและ Electronics, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รวมถึงยางและผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสหรัฐสูงและพึ่งพาตลาดนี้มาก ขณะที่ไทยยังคงความสามารถในการแข่งขันเนื่องจากมีอัตราภาษีใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งหลัก แต่เสียเปรียบสิงคโปร์ที่ได้รับภาษี 10% และญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ที่ 15%
.
การประเมินผลกระทบในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี 2568 คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทย 114,612 ล้านบาท ทำให้ GDP หดตัว 0.62% ส่วนปี 2569 ผลกระทบเต็มปีจะรุนแรงขึ้นที่ 275,069 ล้านบาท ทำให้ GDP หดตัว 1.48% แม้จะได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนการค้าบางส่วน มหาวิทยาลัยฯ เสนอ 6 มาตรการเร่งด่วนแก่รัฐบาล ได้แก่ ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เสริมสร้างกฎแหล่งกำเนิดสินค้า กระจายตลาดส่งออก ดึงดูด FDI มูลค่าสูง ส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศ และดำเนินการทูตเพื่อการค้าเชิงรุก

