
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลลอยกระทง ปี 2568 คนไทย 66.2% วางแผนร่วมประเพณีลอยกระทง เน้นทำบุญ–อุทิศส่วนกุศล และร่วมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระพันปีหลวง
30 ตุลาคม 2568 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดย รองศาสตราจารย์ ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วง เทศกาลวันลอยกระทง ปี 2568 ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของคนไทยที่สะท้อนถึงขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทัศนคติ การใช้จ่าย และปัจจัยทางสังคม–เศรษฐกิจที่ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงเวลาดังกล่าว
ผลสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 66.2 มีแผนจะออกไปร่วมกิจกรรมลอยกระทงในปีนี้ ขณะที่ร้อยละ 33.2 ระบุว่าจะไม่ไปร่วมกิจกรรม และอีกร้อยละ 0.6 ยังไม่แน่ใจในแผนของตน
ในกลุ่มที่วางแผนไปร่วมกิจกรรม พบว่า ร้อยละ 38.3 เน้นการทำบุญ อุทิศส่วนกุศล และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รวมทั้งร่วมถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระพันปีหลวง ร้อยละ 19.0 เข้าร่วมตามประเพณีไทยที่ควรรักษาไว้ ร้อยละ 17.9 เพื่อขอพรให้เกิดสิริมงคล ร้อยละ 15.4 ใช้จ่ายจากเงินโครงการภาครัฐ เช่น “คนละครึ่งพลัส” และ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ร้อยละ 9.4 เพื่อการพักผ่อนและคลายความเครียด
สถานที่ยอดนิยมในการลอยกระทง ได้แก่ บริเวณแม่น้ำและคลอง เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ สวนสาธารณะ บึง วัด ร้านอาหาร และตลาดน้ำ
สำหรับกลุ่มที่ระบุว่าจะ ไม่ร่วมลอยกระทง ส่วนใหญ่ร้อยละ 47.5 ตอบว่าอยู่ในช่วงของการไว้ทุกข์และโศกเศร้า เพื่อร่วมถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระพันปีหลวง รองลงมา ได้แก่ ร้อยละ 16.9 ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ร้อยละ 15.9 เห็นว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ร้อยละ 12.9 มีภาระหนี้สินสูง ร้อยละ 6.8 รายได้ไม่แน่นอน
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลสำรวจในปีนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังคงให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทง แม้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า แต่คนไทยยังยึดมั่นในคุณค่าทางจิตใจ ทั้งการทำบุญ อุทิศส่วนกุศล และร่วมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระพันปีหลวง เพื่อแสดงความกตัญญูและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขณะเดียวกันยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เลือกงดร่วมงานเพื่อความสงบ เรียบง่าย และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นสัญญาณของการปรับตัวอย่างมีสติของผู้บริโภคไทย”












